กองทรัสต์ SPRIME จ่ายปันผล Q4/2564 อัตรา 0.160 บาท ดัน Yield สูง 8% ล่าสุดยื่นไฟลิ่งขอเพิ่มทุน ก.ล.ต.แล้ว เล็งขายหน่วยฯ ไตรมาส 3 ปีนี้ คาดกองทรัสต์โตเท่าตัว ทะลุ 12,000 ล้าน ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของกองทรัสต์ประเภทอาคารสำนักงาน

กรุงเทพฯ, 24 กุมภาพันธ์ 2565 - บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME) รายงานผลประกอบการปี 2564 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 487.92 ล้านบาท และกำไรจากการลงทุนสุทธิ 277.08 ล้านบาท จ่ายประโยชน์ตอบแทนรวมทั้งปีสูงถึง 0.5820 บาท Yield เฉลี่ย 8% เชื่อมั่นสัญญาณฟื้นตัวจากโควิด หลังต่อสัญญาผู้เช่าหลักกว่า 97% วางแผนปี 2565 ดัน Occupancy กลับมาสูงกว่า 86% ล่าสุดเผยความคืบหน้า กองทรัสต์ SPRIME ได้ยื่นแบบคำขอเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมขายหน่วยฯ ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ โดยมูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 7,263 ล้านบาท คาดการณ์ปันผลแตะ 0.632 ต่อหน่วย

นายเกตุกร เขมธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาแม้ว่าอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์สซึ่งเป็นทรัพย์สินหลักจะได้รับผลกระทบจากโควิดอยู่บ้าง แต่อาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ภาพรวมยังคงรักษาระดับกำไรและอัตราผลตอบแทนได้ ในระดับเดียวกับปี 2563 โดยในไตรมาสที่ 4 สัญญาณการฟื้นตัวจากโควิดเริ่มชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราการต่อสัญญาเช่าที่ทำได้กว่า 97.5% การปรับขึ้นค่าเช่าได้มากกว่า 6% ส่งผลให้อัตราค่าเช่าเฉลี่ย (ARR) ขึ้นมาอยู่ที่ 592 บาท และการมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเช่าพื้นที่ ซึ่งนับได้ว่าเป็นสัญญาณสำคัญที่จะสะท้อนการกลับมาเติบโตของธุรกิจได้อีกครั้งในปี 2565

"ในไตรมาส 4 กองทรัสต์ฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 122.69 ล้านบาท และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 62.20 ล้านบาท เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการ และสัญญาณการฟื้นตัวหลังโควิด คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติจ่ายประโยชน์ตอบแทน (Dividend) ที่อัตรา 0.160 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายในอัตราเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้ภาพรวมการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตลอดปี 2564 สูงถึง 0.5820 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (Yield) จาก Market Price สูงถึง 8%"

การจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2564 และกำไรสะสม ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในอัตรารวม 0.160 บาทต่อหน่วยนั้นมีกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 11 มีนาคม 2565 (Book Closing Date) และเตรียมจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 21 มีนาคม 2565

สำหรับปี 2565 นี้ อาคารซันทาวเวอร์สมีโอกาสที่จะมีกำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้น จากพื้นที่ว่างที่จะปล่อยเช่าเพิ่มขึ้นได้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้า Occupancy ปีนี้กลับมาที่ระดับ 86-89% ซึ่งกลยุทธ์หลักจะเน้นผู้เช่าขนาดกลางถึงใหญ่ ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตดี เช่น ธุรกิจออนไลน์ โลจิสติกส์ การแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ โดยหากพิจารณาจากอาคารที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางเศรษฐกิจตอนเหนือของกรุงเทพฯ บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ใกล้กับจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน และจุดขึ้นลงทางด่วน รวมถึงอาคารที่มีระบบสุขอนามัยและความปลอดภัย ทันสมัยเทียบเท่าอาคารสำนักงานชั้นนำ และคิดอัตราค่าเช่าถูกกว่าอาคารสำนักงานใน CBD ถึง 30-40% นอกจากนั้นยังมี Co-working Space / Service Office ภายใต้ชื่อ Worko ให้บริการเป็นพื้นที่ทางเลือกเสริมให้กับธุรกิจ จากปัจจัยทั้งหมดในข้างต้น อาคารซันทาวเวอร์สจึงจะยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของธุรกิจที่เริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้งตามสภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมที่ทยอยฟื้นตัว ตลอดจนองค์กรที่ต้องการย้ายสำนักงานในทำเลที่ดี ราคาที่คุ้มค่า และมี Function ที่ตอบสนองการเป็น Hybrid workplace ในยุค New normal

นอกจากนั้น กองทรัสต์ฯ ยังมีความก้าวหน้าที่สำคัญ โดยที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ของ SPRIME ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 ได้มีมติให้กองทรัสต์ SPRIME ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการเข้าลงทุนในทรัพย์สิน 3 โครงการ ประกอบด้วย (1) สิทธิการเช่าพื้นที่ค้าปลีกของโครงการซันทาวเวอร์ส ระยะเวลา 27 ปี (2) สิทธิการเช่าในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ระยะเวลา 30 ปี และ (3) สิทธิการเช่าช่วงที่ดิน สิทธิการเช่าอาคารเมโทรโพลิศ ระยะเวลา 23 ปี มูลค่าการลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมรวมทั้ง 3 โครงการไม่เกิน 7,283 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 663 ล้านหน่วย ส่งผลต่ออัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ (DPU) เมื่อลงทุนในทรัพย์ทั้ง 3 โครงการ ไม่น้อยกว่า 0.632 บาทต่อหน่วย

ล่าสุดบริษัทฯได้ดำเนินการยื่นแบบคำขอเสนอขายหน่วยทรัสต์ ร่างหนังสือชี้ชวน และเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) (Filing) แล้วเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และสำนักงาน ก.ล.ต. รับแบบคำขอเพิ่มทุนเป็นที่เรียบร้อย โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายต่อนักลงทุนได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้

"กองทรัสต์มั่นใจในทรัพย์สินที่กำลังจะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายในแง่ของทำเล CBD, Non-CBD ประเภทอาคาร A,B หรือกลุ่มผู้เช่าแข็งแกร่งและหลายหลายธุรกิจ ซึ่งจะทำให้กองทรัสต์ SPRIME มีพอร์ทโฟลิโอที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ในระยะยาว" นายเกตุกรฯ กล่าว